วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555


5 เทรนด์เทคโนโลยีน่าจับตาในปี 2012 (E-Commerce)
          ตลอดปี 2011 ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นในแวดวงเทคโนโลยีมากมาย ตั้งแต่การเกิดใหม่ของ Windows Phone การเติบโตขึ้นของร้านแอพพลิเคชั่นออนไลน์ การบูมของแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน ขาลงของ Flash ที่มาพร้อมกับการที่ HTML5 ถูกยอมรับมากขึ้น ตลอดจนเครือข่ายสังคมซึ่งตอนนี้กลายเป็นบ้านหลังที่สองของใครหลายๆ คน
          โดยทั่วไป ทิศทางของเทคโนโลยีในกลุ่มผู้บริโภค (Consumer Technology) ในปี 2012 คงยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก และจะยังคงสืบเนื่องมาจากปีที่แล้ว หากแต่จะทวีความเข้มข้นมากกว่าเดิม เชื่อมต่อเข้าถึงกันผ่านเครือข่ายสังคมหรือบริการกลุ่มเมฆมากขึ้น รวมทั้งเส้นแบ่งระหว่างอุปกรณ์พกพาที่จะเจือจางลงอันเนื่องมาจากโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบปฏิบัติการ และบริการเสริมที่จะเชื่อมข้อมูลของผู้ใช้ให้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต

5 เทรนด์เทคโนโลยีน่าจับตาในปี 2012
 แท็บเล็ต และอัลตร้าบุ๊ก สองอุปกรณ์พกพามาแรงท่ามกลางความเสื่อมถอยของเน็ตบุ๊ก
          ย้อนกลับไปเมื่อราว 3-4 ปีที่แล้ว เน็ตบุ๊กนับเป็นผลิตภัณฑ์น้องใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของผู้บริโภคที่ต้องการอุปกรณ์ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และใช้งานเพียงเข้าสู่โลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดี ทว่าตั้งแต่แท็บเล็ตได้ถือกำเนิดขึ้น ความต้องการเน็ตบุ๊กก็น้อยลงเนื่องจากอุปกรณ์น้องใหม่สามารถใช้งานเพื่อสนองความต้องการได้ดีพอกัน อีกทั้งยังมีข้อดีอื่นที่เหนือกว่าคือ การตอบสนองผ่านหน้าจอระบบสัมผัสที่สามารถทำงานได้รวดเร็ว ร้านค้าออนไลน์ที่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพื่อเสริมความสามารถ และการประหยัดพลังงานที่ทำได้ดีกว่า เพราะฮาร์ดแวร์ภายในได้ถูกออกแบบมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ
          ถ้าจะกล่าวว่า 2011 เป็นปีแห่งแท็บเล็ต 2012 ก็คงจะกล่าวได้ว่าเป็นปีแห่งอัลตร้าบุ๊ก อุปกรณ์น้องใหม่ภายใต้แนวคิดของบริษัท Intel ที่ต้องการหลอมรวมข้อดีด้านประสิทธิภาพที่มากกว่าของโน้ตบุ๊กเข้ากันกับการตอบสนองที่ทันใจกว่าของแท็บเล็ต และขายภายใต้ราคาที่ต่ำกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐ 
          ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ได้มีอัลตร้าบุ๊กหลายรุ่นเริ่มวางจำหน่ายและสามารถทำยอดขายได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ ประกอบกับแรงหนุนจาก Intel เองจึงทำให้ผู้ผลิตหลายแบรนด์เริ่มเอาใจออกห่างจากเน็ตบุ๊ก เข่น Samsung และ Dell ที่มีแนวโน้มว่าจะเลิกผลิตอุปกรณ์ดังกล่าวแน่นอน อีกทั้งหลายรายก็อาจเลิกพัฒนาแท็บเล็ตด้วย เพราะประสบปัญหาไม่สามารถดึงคะแนนนิยมของผู้บริโภคออกจาก iPad ได้
          แล้วปีนี้เราจะได้เห็นอะไรจากแท็บเล็ตกับอัลตร้าบุ๊ก? แน่นอนว่าประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น น้ำหนักที่เบาลง หน้าจอความละเอียดสูง และการประหยัดพลังงานยังคงเป็นกุญแจและจุดขายสำคัญของอุปกรณ์ทั้งสอง ด้านแท็บเล็ตเราคงได้เห็นสงครามระหว่าง iPad และกองทัพ Android กันต่อไป แต่รายหลังคงมีทิศทางที่เป็นเอกภาพมากขึ้น โดย Google ไม่น่าจะปล่อยให้ Android 4.0 ประสบปัญหา Fragmentation ที่ต้องทำให้ผู้บริโภครู้สึกเหมือนลุ้นหวยทุกครั้งว่าอุปกรณ์ที่ตนซื้อมาจะสามารถอัพเกรดไปใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ได้หรือไม่
          ด้านอัลตร้าบุ๊กนั้นก็เช่นกัน ที่คาดได้ว่ารุ่นถัดมาจะต้องมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมด้วยโปรเซสเซอร์ใหม่ แต่ว่าเนื่องจากคอนเซ็ปต์อัลตร้าบุ๊กได้รับการกำหนดโดย Intel จึงอาจทำให้หลายรุ่นที่ออกมาจากแต่ละค่ายไม่มีจุดขายที่โดดเด่นต่างจากกันมากนัก ผลก็คือแทนที่อัลตร้าบุ๊กจะเป็น MacBook Air Killer ก็อาจกลายเป็นต้องมารบแย่งลูกค้ากันเองมากกว่า

5 เทรนด์เทคโนโลยีน่าจับตาในปี 2012
 อินเทอร์เฟซใหม่เอาใจแอพพลิเคชั่นโมบายล์
          ความเคลื่อนไหวหลายอย่างที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าอินเทอร์เฟซดั้งเดิมอายุ 20 กว่าปีที่ประกอบไปด้วยหน้าต่าง ไอคอน เมนู และลูกศรเมาส์ จะเริ่มหลีกทางให้ระบบสัมผัส การใช้ท่าทางรวมทั้งการสั่งด้วยเสียงที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าเดิม แนวโน้มนี้ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับแอพพลิเคชั่นโมบายล์เท่านั้น แต่กับเดสก์ท็อปดั้งเดิมก็ได้ถูกนำมาใช้งานด้วย Mac OS X Lion และ Windows 8 เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะ Lion นับเป็นระบบปฏิบัติการตัวแรกจาก Apple ที่ถูกพัฒนาเพื่อให้ใช้งานกับท่าทางระบบสัมผัสที่หลากหลาย การเปิดแอพพลิเคชั่นแบบเต็มจอ และ Launchpad หน้าจอแสดงรายชื่อแอพพลิเคชั่นที่ได้รับอิทธิพลมาจาก iOS แบบเต็ม ๆ 
          ด้าน Windows 8 ก็ได้รับการพัฒนาให้รองรับระบบสัมผัสมาตั้งแต่ต้นโดยการแบ่งอินเทอร์เฟซออกเป็นสองชั้น คือ Metro สำหรับใช้งานร่วมกับหน้าจอสัมผัสของแท็บเล็ต และ Classic หรือแบบดั้งเดิมที่ใช้งานร่วมกับเมาส์และคีย์บอร์ดที่เราคุ้นเคย หลายฝ่ายมองว่าจุดเด่นของ Windows 8 ข้อนี้เป็นเหมือนกับดาบสองคม นัยหนึ่งก็จะเอื้อต่อการพัฒนาอุปกรณ์ประเภทไฮบริจ ที่รวมกันระหว่างแท็บเล็ตกับโน้ตบุ๊กอย่าง ASUS Transformer Prime แต่อีกด้านหนึ่งก็มีความวิตกว่าจะสร้างความซับซ้อนและความสับสนในการใช้งานโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นที่อาจไม่สามารถทำงานได้อย่าง "ไร้รอยต่อ" ระหว่างอินเทอร์เฟซทั้งสอง
          แต่ว่าดาวเด่นในปีนี้ ก็เห็นจะเป็นเทคโนโลยีการใช้ท่าทางและการสั่งด้วยเสียงที่ชัดเจนว่าจะมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ความสำเร็จของ Kinect จากที่เป็นเพียงอุปกรณ์เล่นเกมนั้นได้ถูก Microsoft ให้คำมั่นแล้วว่าจะพอร์ตมาลงพีซีแน่นอนในปีนี้ โดยจะได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้งานในระยะใกล้มากขึ้น มีความแม่นยำกว่าเดิมถึงขั้นอาจตรวจจับริมฝีปากของเราได้ รวมทั้งจะสนับสนุนด้านการพัฒนาต่อยอดด้วยการปล่อย Software Development Kit (SDK) สำหรับนักพัฒนาที่สนใจ ส่งผลให้มีก็แต่จินตนาการของเราเท่านั้นที่เป็นข้อจำกัด 
          สำหรับการสั่งด้วยเสียงนั้น Siri ลูกเล่นเด่นที่สุดของ iPhone 4S ทำให้ความฝันที่คอมพิวเตอร์จะสามารถตอบสนองผู้ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติใกล้เคียงความจริงเข้าไปทุกที ถึงแม้จะเป็นที่ยอมรับว่าเทคโนโลยีน้องใหม่นี้ยังมีอุปสรรคด้านภาษาและสำเนียงที่รองรับซึ่งต่างไปในแต่ละพื้นที่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คู่แข่งอย่าง Google ละความพยายามในการพัฒนาออกมาเป็นคู่แข่ง Majel คือชื่อรหัสของการสั่งด้วยเสียงจากยักษ์ใหญ่ด้านเอ็นจิ้นค้นหาที่ได้สานต่อการพัฒนามาจาก Voice Actions เดิมที่รองรับคำสั่งเป็นราย ๆ ไป แต่ Majel จะมีความคล้ายคลึงกับ Siri มากกว่าตรงที่สามารถตีความบริบท (Context) ของเหตุการณ์ตอนนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ คาดว่า Android เวอร์ขั่นใหม่คงมีเทคโนโลยีนี้เสริมมาด้วยแน่นอน
          นอกจากเดิมที่นักพัฒนาต้องทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ที่มีอยู่มากมายแล้ว อินเทอร์เฟซใหม่โดยเฉพาะสองอย่างหลังที่ไม่ต้องการสัมผัสร่างกายใด ๆ นั้น ทำให้การพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับอุปกรณ์พกพาในยุคหน้ามีความท้าทายกว่าเดิม แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีจินตนาการสูงสามารถนำอินเทอร์เฟซใหม่นี้มาประยุกต์พัฒนาแอพพลิเคชั่นให้มีลูกเล่นน่าสนใจมากขึ้น
          ข่าวดีอีกข้อหนึ่งก็คือ เทคโนโลยีเว็บฯ ยุคหน้าอย่าง HTML5 นั้นถูกพัฒนาเสริมเขี้ยวเล็บมากขึ้นกว่าเดิมจนเป็นที่ยอมรับ การยกเลิกพัฒนา Flash Player บนอุปกรณ์พกพาโดย Adobe นับเป็นสัญญาณที่ดีว่าอีกไม่นาน นักพัฒนาคงไม่ต้องปวดหัวเรียนรู้คุณลักษณะหลายประการที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มเฉพาะ Gartner ได้ทำนายว่า ภายในปี 2015 แอพพลิเคชั่นกว่าครึ่งที่เคยเป็นเนทีฟแอพ ซึ่งสามารถรันได้บนอุปกรณ์เฉพาะอย่าง จะถูกเปลี่ยนมาเป็นเว็บแอพฯ ที่สามารถใช้งานได้ผ่านทางเว็บบราวเซอร์ทั่วไป
 ประสบการณ์ใช้งานที่เข้าใจเราได้มากขึ้น
          เครือข่ายสังคมที่เราใช้งานทุกวัน ไม่เพียงแต่มีข้อดีที่ทำให้เราเชื่อมถึงกันได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ข้อมูลทุกๆ อย่างรวมทั้งคอนเทนต์ที่เรา "แบ่งปัน" หรือกด "ชอบ" ล้วนแต่สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกเฉพาะของแต่ละคนได้ Facebook ได้ใช้ความจริงข้อนี้ในการแสดงโฆษณาข้าง ๆ หน้าจอเวลาใช้งาน Zite แอพพลิเคชั่นยำข่าวชื่อดังบน iOS สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการอ่านได้ว่าเราชอบบทความในลักษณะใด ซึ่งจะส่งผลต่อการเปิดใช้งานครั้งต่อไปให้คัดเลือกเฉพาะประเภทข่าวที่เราสนใจเท่านั้นมาแสดงผล หรือจะเป็นระบบแนะนำสินค้าใน Amazon ที่สามารถเสนอขายสินค้า ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันหรือโปรโมชั่นที่น่าสนใจให้กับเราได้โดยอ้างอิงจากพฤติกรรมการเลือกดูสินค้าที่ผ่านมา
          กล่าวให้เข้าใจโดยง่ายคือ คอนเซ็ปต์ของ Context-Aware Computing นั้น จะนำข้อมูลที่เกี่ยวโยงกับผู้ใช้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความชอบ พฤติกรรมต่าง ๆ รวมทั้งเครือข่ายเพื่อนฝูงมาพัฒนาปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้และบริการให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการคาดเดาความต้องการเพื่อที่จะป้อนคอนเทนต์หรือลักษณะการบริการที่เหมาะสมกับเรา
          จากตัวอย่างที่กล่าวไปจะเห็นได้ว่า ไม่เพียงแต่บริการออนไลน์ในอนาคตที่มีแนวโน้มที่จะเข้าใจความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคลได้มากกว่าเดิมเท่านั้น แต่ความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้ยังมีหลากหลาย แนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจคือ การเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ใช้เข้ากันกับบริการอื่นที่มีอยู่แล้ว ทั้งอีคอมเมิร์ซ โมบายล์แบงก์กิ้ง โลเคชั่น รวมทั้ง Augmented Reality ให้กลายมาเป็นบริการที่โดดเด่นด้วยความเป็นอินเทอร์แอ็คทีฟ และมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกของผู้ใช้ได้มากที่สุดและเอื้อให้มีปฏิสัมพันธ์ในระยะยาว ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญของการบริการทั้งปวง

5 เทรนด์เทคโนโลยีน่าจับตาในปี 2012
 Internet of Things เมื่อทุกสิ่งเชื่อมถึงอินเทอร์เน็
          ตามจริงแล้ว Internet of Things (IoT) ไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นไอเดียดั้งเดิมที่กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างช้าๆ แนวคิดนี้อธิบายว่า วัตถุที่เราใช้งานในชีวิตประจำวันจะมีความชาญฉลาดมากขึ้น สามารถเชื่อมถึงกันและสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยอาศัยเซ็นเซอร์ที่ฝังอยู่ภายใน ซึ่งแต่ก่อนสามารถทำได้ยากเพราะกระบวนการผลิตไมโครชิพยังไม่ได้รับการพัฒนามากเท่าปัจจุบัน แต่ช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ เราได้เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เซ็นเซอร์มีขนาดเล็กลง รวมทั้งระบบปฏิบัติการที่ได้รับการพัฒนาให้ยืดหยุ่นมากขึ้นนั้นก็เอื้อให้แนวคิดนี้มีความเป็นไปได้สูง
          ไม่เพียงแต่เซ็นเซอร์เท่านั้นที่มีส่วนให้ IoT ได้รับการพัฒนา แต่เทคโนโลยีที่เกี่ยวโยงกันอย่างการรู้จำภาพ (Image Recognition) และ Near Field Communication (NFC) ก็มีส่วนด้วยเช่นกัน ลูกเล่นการรู้จำภาพทำให้สัญลักษณ์อย่าง QR Code สามารถนำไปใช้ในการระบุตัวตนและให้ข้อมูลกับวัตถุได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่สินค้าและบริการ ไปจนถึงข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทางโลโก้ที่อยู่บนเสื้อยืด ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับอุปรณ์พกพาในปัจจุบันที่มักติดกล้องถ่ายภาพมาให้และบริการ 3G ที่ทำให้การสแกนและการเชื่อมต่อฐานข้อมูลออนไลน์เป็นไปอย่างรวดเร็ว
          ที่น่าจับตาในปีนี้ NFC หรือเทคโนโลยีรับ-ส่งข้อมูลระยะสั้นที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ทั้งบริการไมโครเพย์เมนต์ผ่านทางเครื่องอ่านที่ช่องทางชำระเงิน หรือใช้แทนกุญแจห้องพัก แต่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายชี้ว่า กว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกใช้งานอย่างแพร่หลายก็คงต้องรอจนกว่าจะถึงปี 2015 ที่อุปกรณ์พกพาทุกชิ้นจะรองรับลูกเล่นดังกล่าว ระหว่างนี้สิ่งที่ต้องทำคือ พัฒนารูปแบบการใช้งานและการรักษาความปลอดภัยให้ดีขึ้น สร้างความรับรู้ให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภคทั่วไป รวมทั้งชี้ให้ร้านค้าให้ตระหนักถึงคุณประโยชน์ที่จะได้รับจากเทคโนโลยีนี้
 ร้านค้าออนไลน์ หรือซีดีจะถึงจุดจบ?
          โมเดล App Store จาก Apple และ Android Market จาก Google ได้วางรากฐานการซื้อ-ขายแอพพลิเคชั่นและโปรแกรมในยุคหน้าไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยราคาขายที่สามารถทำให้ถูกกว่าวางจำหน่ายตามร้านค้าปลีกและความง่ายในการใช้งาน ทำให้ไม่แปลกใจที่ยอดดาวน์โหลดของร้านค้าออนไลน์ทั้งสองจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
          Gartner ได้คาดเดาว่า ภายในปี 2014 ยอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นโดยรวมต่อปีจะเพิ่มเป็น 7 หมื่นล้านครั้ง ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงเมื่อดูจากยอดขายของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้นในทุกปี ผลกระทบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลยคือ สื่อออฟติคอลดั้งเดิมอย่างซีดีหรือดีวีดี มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมลดลง Steam จากบริษัท Valve นับเป็นผู้เบิกทางการขายซอฟต์แวร์เกมออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนกระทั่งนำไปสู่การพัฒนาต่อยอด อย่างเช่น OnLive บริการสตรีมมิ่งเนื้อหาเกมที่ต้องการเพียงคอมพิวเตอร์สักเครื่องที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็สามารถเสพเกมระดับ AAA ได้ 
          ทางด้านซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชันทั่วไปก็คงต้องยกให้ Apple ที่ใจถึงไม่ยอมขาย Mac OS X Lion แบบกล่อง แต่ให้ดาวน์โหลดผ่านทาง Mac App Store เท่านั้น รวมถึงการที่ทยอยวางจำหน่ายซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ผ่านทางร้านค้าออนไลน์แต่เพียงแห่งเดียวด้วย โดยได้สอดคล้องกับแนวโน้มแล็ปท็อปในยุคหน้าที่จะมีลักษณะเป็น MacBook Air/อัลตร้าบุ๊กที่มีความบางเบา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่มีออฟติคอลไดรฟ์มาให้ด้วยนั่นเอง
          มาในปีนี้แนวโน้มดังกล่าวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ซ้ำกลับทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะ Microsoft จะได้ฤกษ์เปิดใช้งาน Windows Store สำหรับใช้งานกับอุปกรณ์ Windows 8 ทั้งหมด โดยมาพร้อมกับข้อเสนอที่ยั่วยวนใจอย่างลดการหักค่าหัวคิวลง เมื่อแอพพลิเคชั่นใดสามารถทำยอดขายได้เกินที่ระบุ หรือการวางจำหน่ายแอพพลิเคชั่นเฉพาะบางพื้นที่เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และด้วยฐานผู้บริโภค Windows ที่กว้างอยู่แล้ว ยิ่งทำให้น่าติดตามมากว่ายอดดาวน์โหลดของ Windows Store จะเป็นอย่างไร
          สรุปโดยภาพรวมคือ เทรนด์เทคโนโลยีในปีนี้มีแนวโน้มที่จะเชื่อมถึงกันมากขึ้นผ่านช่องทางบริการออนไลน์ต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ โดยผ่านทางอุปกรณ์พกพาที่อาจหลอมรวมกันแบบไฮบริจ ใช้งานด้วยอินเทอร์เฟซแบบใหม่ เสริมเขี้ยวเล็บด้วยแอพพลิเคชั่นนับไม่ถ้วน ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของเราได้ถูกต้อง ทั้งหมดนี้อาจไม่ใช่ของใหม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราจะได้เห็นการใช้งานที่แพร่หลายมากกว่าเดิมแน่นอนครับ

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555


ปิดโผ สมาร์ทโฟน จอสัมผัส 10 รุ่นเด็ดที่น่าจับจองเป็นเจ้าของ ในช่วงต้นปี 2012

ในปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือ และสมาร์ทโฟน (Smartphone) เรียกได้ว่า แทบจะเป็นปัจจัยที่ 5 สิ่งที่ควรจะมีในชีวิตประจำวันไปแล้ว โดยในแต่ละปีนั้น มักจะมีการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน อยู่ตลอดเวลา จากโทรศัพท์มือถือรูปทรงหนาๆ ตัวเครื่องใหญ่ หน้าจอเล็ก และใช้งานได้เพียงการโทรออก รับสาย และส่งข้อความ กลายเป็น สมาร์ทโฟน หน้าจอใหญ่ รูปทรงบาง และสามารถใช้งานได้มากกว่าการโทรออก และรับสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาร์ทโฟนหน้าจอสัมผัส หรือทัชสกรีนนั้น ถือว่า เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนเป็นอย่างมาก ด้วยความสามารถในการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การ Pinch-to-Zoom, การ
Swipe อีกทั้ง ยังช่วยเพิ่มเนื้อที่ของจอแสดงผลให้กว้างขึ้น เนื่องจากไม่ต้องมีคีย์บอร์ดฝังอยู่ในตัวเครื่องอีกต่อไป แต่ สมาร์ทโฟนหน้าจอสัมผัส รุ่นใด จะได้ชื่อว่า เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นท็อป ตัวฮิต ของปี 2012 บ้าง วันนี้ เว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ มีรายละเอียดมาฝากกัน








1. Samsung Galaxy S II




สำหรับ Samsung Galaxy S II นั้น ถือว่า เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นฮิตของซัมซุงเลยก็ว่าได้ ด้วยคุณสมบัติการประมวลผลที่รวดเร็ว เนื่องจากใช้ซีพียูแบบ Dual-core Processor น่าจะถูกใจผู้ที่ชื่นชอบ สมาร์ทโฟน ที่ตอบสนองต่อการใช้งานที่รวดเร็วได้เป็นอย่างดี ประกอบกับ จอแสดงผลขนาดใหญ่ 4.27 นิ้ว แบบ Super AMOLED Plus ที่ให้ภาพที่คมชัด ละเอียด กล้องดิจิตอลด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
และระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3 Gingerbread ที่สามารถอัพเดทเป็น Ice Cream Sandwich ได้ในอนาคต จึงทำให้ Samsung Galaxy S II กลายเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอสัมผัส ที่ถูกเลือกซื้อมากที่สุดในขณะนี้

2. Apple iPhone 4S








สมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดจาก iPhone 4 และคู่แข่งของ Samsung Galaxy S II นั่นก็คือ iPhone 4S ที่มีดีไซน์คล้ายกับ iPhone 4 แทบทุกประการ เพียงแต่ iPhone 4S นั้น ได้มีการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ภายในเครื่องใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ชิพเซ็ท Apple A5 ซึ่งเป็นซีพียูแบบ Dual-core Processor ที่รองรับแอพพลิเคชั่น และเกมกราฟฟิคหนักๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ กล้องดิจิตอลด้านหลังตัวเครื่องนั้น ยังมีความละเอียดถึง 8 ล้านพิกเซล และความสามารถในการบันทึกวิดีโอแบบ Full HD 1080p อย่างไรก็ดี iPhone 4S นั้น กลับมีขนาดของจอแสดงผลเท่า iPhone 4 นั่นคือ 3.5 นิ้ว ซึ่งผู้ที่นิยมสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดใหญ่ คงไม่ชื่นชอบในจุดนี้

3. Sony Ericsson Xperia Arc




สำหรับ Sony Ericsson Xperia Arc ได้ชื่อว่า เป็นรุ่นยอดนิยมในหมู่ชาว Xperia เป็นอย่างมาก เนื่องจากรูปลักษณ์ของตัวเครื่องที่โค้งมน บางเฉียบ และหน้าจอขนาดใหญ่ 4.2 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี Mobile Bravia Engine ที่ให้ภาพสวยสมจริง ระบบประมวลผลความเร็ว 1GHz พร้อมกล้องดิจิตอลความละเอียด 8 ล้านพิกเซลอย่างไรก็ดี ในตอนนี้ Sony Ericsson Xperia Arc ได้มีน้องใหม่เปิดตัวแล้ว นั่นคือ Sony Ericsson Xperia Arc S ที่มีดีไซน์ที่เหมือนกัน เพียงแต่ปรับปรุงระบบประมวลให้เร็วขึ้นเป็น 1.4GHz

4. Samsung Galaxy Nexus




มาสดๆ ร้อนๆ กับ Samsung Galaxy Nexus ที่ซัมซุง ได้ร่วมมือกับ Google พัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ขึ้นมา โดย Samsung Galaxy Nexus นั้น มีจุดเด่นตรงที่ หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 4.6 นิ้ว แบบ Super AMOLED HD เรียกได้ว่า เห็นชัดทุกรูขุมขนเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ Samsung Galaxy Nexus นั้น ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรก ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich ซึ่งถ้าหากมีการอัพเดทเวอร์ชั่น Samsung Galaxy Nexus จะเป็นรุ่นแรกๆ ที่ได้รับการอัพเดทก่อน เนื่องจากเป็นรุ่นที่ Google ร่วมพัฒนาขึ้นมานั่นเองอย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบกับ Samsung Galaxy S II แล้ว พบว่า Samsung Galaxy S II มีภาษีที่ดีกว่ามาก ในเรื่องของ กล้องถ่ายรูปด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งกล้องดิจิตอลบน Samsung Galaxy Nexus นั้น มีความละเอียดเพียง 5 ล้านพิกเซลเท่านั้น

5. Motorola RAZR





โมโตโรล่า เริ่มกลับมาทวงบัลลังก์แอนดรอยด์โฟนอีกครั้ง กับการเปิดตัว Motorola RAZR สมาร์ทโฟนตัวแรงที่มีสเปคไม่น้อยหน้ารุ่นอื่นๆ เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น จอแสดงผลขนาด 4.3 นิ้ว แบบ Super AMOLED Display, ระบบประมวลผลแบบ Dual-core Processor ความเร็ว 1.2GHz และกล้องดิจิตอลด้านหลังตัวเครื่อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมความสามารถในการบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบ Full HD 1080p ซึ่งใครที่ชื่นชอบในความอึดของแบรนด์โมโตโรล่าอยู่แล้ว น่าจะหลงรัก Motorola RAZR ได้ไม่ยาก

6. Samsung Galaxy S




เปิด ตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม ปี 2010 กับสมาร์ทโฟนจอสัมผัสขนาดใหญ่ ถึงแม้จะเปิดตัวมานานหลายปี จนมีสมาร์ทโฟนรุ่นน้องอย่าง Samsung Galaxy S II ออกมาแล้ว แต่ Samsung Galaxy S ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน และได้ชื่อว่า เป็นสมาร์ทโฟนต้นแบบ สำหรับสมาร์ทโฟนจอสัมผัสในหลายๆ รุ่น ด้วยจอแสดงผลขนาด 4 นิ้ว แบบ Super AMOLED Touchscreen ความละเอียด 480x800 พิกเซล ระบบประมวลผลแบบ Single-core Processor ความเร็ว 1GHz และกล้องดิจิตอล 5 ล้านพิกเซล จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไม Samsung Galaxy S ถึงสามารถทำยอดจำหน่ายได้ทั่วโลกอย่างถล่มทลายอย่างไรก็ดี เนื่องจาก Samsung Galaxy S แทบจะไม่มีจำหน่ายแล้ว จึงได้มีสมาร์ทโฟนที่มีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับ Samsung Galaxy S นั่นคือ Samsung Galaxy S Plus ซึ่งได้นำ Samsung Galaxy S มาอัพเกรด โดยปรับซีพียูให้เร็วขึ้น 1.4GHz

7. BlackBerry Bold 9900




BlackBerry สมาร์ทโฟนสำหรับขาแชท เปิดตัวรุ่นใหม่ BlackBerry Bold 9900ที่มีการปรับเปลี่ยนซีพียูให้เร็วขึ้น 1.2GHz พร้อมระบบปฏิบัติการ BlackBerry OS 7 ที่ได้มีการปรับปรุงฟีเจอร์การทำงานจากเวอร์ชั่นก่อนมากมายเลยทีเดียว จอแสดงผลขนาด 2.8 นิ้ว แบบ Crystal Clear ที่ถูกปูคุณสมบัติไว้ว่า ให้ความคมชัดเทียบเท่า iPhone 4 ส่วนกล้องดิจิตอลด้านหลังตัวเครื่องนั้น มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อม Flash อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี NFC อีกด้วย ซึ่งใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน พร้อมคีย์บอร์ดในตัวแบบนี้ BlackBerry น่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

8. HTC Sensation XE




HTC นำ HTC Sensation มาอัพเกรดเล็กน้อย โดยทำงานร่วมกับแบรนด์หูฟังชื่อดังอย่าง Beat Audio เปิดตัวสมาร์ทโฟน HTC Sensation XE เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นการใช้งานด้านฟังเพลงมากเป็นพิเศษ โดย HTC Sensation XE นั้น มาพร้อมระบบเสียง Beat Audio และหูฟัง ที่สามารถใช้เป็น Small Talk ได้ในตัว อีกทั้ง ซีพียู ยังเป็นแบบ Dual-core Processor ความเร็ว 1.5GHz และหน้าจอขนาดใหญ่ 4.3 นิ้ว เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะใช้งานด้านเว็บไซต์, เล่นเกม, เปิดแอพพลิเคชั่น หรือฟังเพลง HTC Sensation XE รองรับหมดทุกการใช้งาน

9. LG Optimus 3D





ลุย ตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอแบบ 3 มิติเจ้าแรกของโลก กับ LG Optimus 3D ที่นอกจากจะสามารถแสดงผลภาพแบบ 3 มิติได้แล้ว ฟังก์ชั่นอื่นๆ ในตัวเครื่อง ก็ยังมีจุดเด่นไม่แพ้กัน นั่นคือ จอแสดง ผลขนาด 4.3 นิ้ว แบบ Super LCD Display, หน่วยประมวลผลแบบ Dual-core Processor ความเร็ว 1GHz และกล้องดิจิตอลแบบเลนส์คู่ ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งการดูคลิปวิดีโอแบบ 3 มิตินั้น สามารถชมได้ทันที โดยไม่ต้องสวมแว่น

10. LG Optimus Black




สมาร์ท โฟนที่ได้ชื่อว่า หน้าจอสว่าง คมชัดที่สุดในตลาด LG Optimus Black ที่มาพร้อมกับจอแสดงผลขนาด 4 นิ้ว แบบ NOVA Display ความละเอียด 800x400 พิกเซล ระดับความสว่างถึง 700 nits พร้อมฟังก์ชั่น Smartshare ที่ผู้ใช้งานสามารถแบ่งปันข้อมูล สู่คอมพิวเตอร์ หรือทีวี แบบไม่ต้องต่อสายและกล้องดิจิตอลด้านหลัง ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล อีกทั้ง ราคาของ LG Optimus Black นั้น อยู่ในระดับหมื่นต้นๆ เท่านั้น

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555






DJ Mouse สำหรับคนชอบสแครชแผ่น
ขอเริ่มประเดิมด้วยข่าวคราว Gadget ก็แล้วนะครับ ช่วงที่ผ่านมานำเสนอข่าวหนักๆ ทั้งสัปดาห์ไปแล้ว สำหรับแก็ดเจ็ตที่เห็นในรูปแว้บแรกอาจจะคิดว่า มันคือรีโมทของอะไรสักอย่าง แต่ความจริงมันคือ "เมาส์" ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาครับ เพราะเกิดมาเพื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทีมีหัวใจนักดนตรี ชอบสแครชแผ่นแบบพี่โดม มิกซ์เพลงสนุกๆ แบบดีเจ เพราะนี่คือ DJ Mouse

Mouse จะมีความแตกต่างจากเมาส์ยูเอสบีทั่วไปตรงที่บริเวณตรงกลางของมันจะมีจ๊อกคอนโทรลที่สามารถหมุนได้เพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้เพื่อใช้ควบคุมการเล่นเพลงแบบเดินหน้า ถอยหลัง ดัง เบา เปลี่ยนพิตช์เสียง และอื่นๆ อีกสารพัด แบบว่า ใช้เลียนแบบการสแครชแผ่นเสียงจริงๆ ตลอดจนมิกซ์เพลงที่ชื่นชอบได้อย่างสนุกสนาน ส่วนที่ด้านท้ายจะมีปุ่มควบคุมการใช้งานจีอกในโหมดสแครชแผ่นเสียงนั่นเอง ที่เหลือก็จะเป็นปุ่มคลิกขวาซ้าย และลูกกลิ้งตรงกลาง เหมือนเมาส์ปกติทั่วไป


DJ Mouse สำหรับคนชอบสแครชแผ่น
DJ Mouse สำหรับคนชอบสแครชแผ่น


DJ Mouse จะมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ และแผ่นรองที่ดูเท่กลมกลืนได้บรรยากาศเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ใช้บนเวทีสแครชแผ่นจริงๆ โดยซอฟต์แวร์ทีมาด้วยกันสามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งแพลตฟอร์มแมคฯ และวินโดวส์ ซึ่งเจ้าซอฟต์แวร์นี้เองที่ช่วยให้คุณสนุกกับดีเจเมาส์ได้อย่างเต็มความสามารถของมัน ส่วนตัวผมไม่ค่อยถนัดกับเครื่องพวกนี้นัก (ฟังได้อย่างเดียว) สำหรับคุณผู้อ่านที่ได้ชมคลิปแนะนำ และสาธิตการใช้งานแล้วเกิดสนใจอยากเป็นพี่โดมก็เตรียมสตังค์ไว้ 79 เหรียญฯ หรือประมาณ 3,000 บาทครับ (ราคานี้สงสัยจะรวมค่าซอฟต์แวร์ Deckadance ด้วยแน่ๆ เลย)
Buffalo Ministration Metro ฮาร์ดไดรฟ์ดีไซน์สวย สะดวกพกพา
บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) ฮาร์ดไดรฟ์ขนาดพกพา ดีไซน์ใหม่ขนาดเล็กกะทัดรัดพรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติพิเศษเฉพาะ และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ตอบสนองความต้องการใช้งาน
บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพาได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวเครื่องสีดำ แดง และขาวมีดีไซน์ที่สวยเก๋ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีบัมเปอร์บอดี้ (BumperBody) ที่จะปกป้องข้อมูลช่วยป้องกันแรงกระแทกจากภายนอก เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นกับข้อมูล หากมีการกระทบกระเทือนจากการใช้งาน และความแข็งแกร่งมีความจุที่หลากหลายให้เลือกใช้ได้ตามต้องการโดยสามารถพกพาฮาร์ดไดรฟ์ที่มีความจุสูงสุดถึง 500 กิกะไบต์ และที่สำคัญใช้งานง่ายด้วยการติดตั้งแบบอัตโนมัติ

Buffalo Ministration Metro
Buffalo Ministration Metro ฮาร์ดไดรฟ์ดีไซน์สวย สะดวกพกพา


ฮาร์ดไดรฟ์แบบพกพา บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร มีความจุที่สามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ขนาด 250 กิกะไบต์, 320 กิกะไบต์ และ 500 กิกะไบต์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการแบ็คอัพงานต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี มีความเร็วในการการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 เมกะบิตต่อวินาที การเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยพอร์ตแบบ USB 2.0 ด้วยสายเคเบิลที่ติดอยู่ด้านข้างตัวเครื่องสะดวกในนำมาการใช้งานและจัดเก็บ ด้วยเทคโนโลยี เทอร์โบยูเอสบี (TurboUSB) ช่วยให้การถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งต่อไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ทำได้อย่างฉับไวและสะดวกยิ่งขึ้น สามารถจัดเก็บและถ่ายโอนไฟล์ภาพดิจิตอลด้วย Google Picasa ทั้งสามารถจัดเก็บเพลงต่าง ๆ และไฟล์อื่นๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่บนไดรฟ์หลักของเครื่องพีซี

นอกจากนี้ บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงมากยิ่งขึ้นด้วย ซีเคียวล็อคแวร์ (SecureLockWare) ซอฟต์แวร์สำหรับปกป้องข้อมูลจากการถูกขโมย, การจากการผิดพลาดในการจัดเก็บข้อมูล และการเข้าถึงข้อมูลจากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต จึงทำให้ บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) มีความปลอดภัยในระดับสูง สามารถใช้งานได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องแมคอินทอช

จุดเด่นผลิตภัณฑ์
- มีน้ำหนักเบา แข็งแรง พกพาสะดวก
- ซอฟต์แวร์ TurboUSB ที่เพิ่มความเร็ว USB2.0
- ความเร็วในการการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 เมกะบิตต่อวินาที
- สามารถติดตั้งได้เองโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้งานไดรฟ์เวอร์
- สนับสนุนยูเอสบี 2.0 และ 1.1
- ซอฟต์แวร์ SecureLockWare สำหรับปกป้องข้อมูลจากการถูกขโมย, ป้องกันจากการผิดพลาดในการจัดเก็บข้อมูล
- เทคโนโลยี BumperBody ปกป้องข้อมูลช่วยป้องกันแรงกระแทกจากภายนอก
- ซอฟต์แวร์ Memeo AutoBackup สำหรับคอมพิวเตอร์ในระบบ Windows และ Macintosh ช่วยให้การจัดเก็บรวมถึงการอ่านหรือเขียนและ แชร์ข้อมูลปลอดภัย
- สนันสนุน Time Machine สำหรับการแบ็คอัพข้อมูล
- Full-Disk Encryption ระบบการเข้ารหัสเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตในฮาร์ดไดรฟ์หรือระบบที่สูญหายหรือถูกขโมยไป

คุณสมบัติทั่วไป 

Internal Hard Drives 
- Number of Drives : 1
- Drive Interface : SATA
- Hard Drive Sizes : 250GB, 320GB, 500GB

Interface
- Standard Compliance : USB 2.0 / 1.1
- Connector Type : Mini B type
- Number of Ports : 1
- Data Transfer Rates : Max. 480 Mbps

Others
- Dimensions (W x H x D in.) :5.3 x 3.6 x 0.8
- Weight (oz.) : 8.5
- Power Supply : DC5V (Power supplied through USB)
- Power Consumption : Max. 2.5W
- Client OS Support : Windows Vista , Windows XP, Windows2000, MacOS X 10.4 or later
iPhone Accessories
ตั้งแต่มีมือถือ iPhone ออกมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เหล่าผู้ผลิตต่างๆ ก็ออกวางตลาดอุปกรณ์ต่อพ่วงออกมามากมาย และนี้คือ Accessries สำหรับ iPhone, iPod ซึ่งผมได้นำมาแนะนำ ให้เหล่าสาวก iPhone ได้ดูกันเผื่อจะโดนใจใครหลาย ๆ อยากได้ไปเป็นเจ้าของ!!


1. Sports Armband for_iPhone 3G พกพา iPhone ของคุณไปกับทุกจังหวะชีวิต



คุณสมบัติของสินค้า
  • ซองหนัง พร้อมที่รัดแขน แบบปรับระดับ ด้วยวัสดุ Neoprene ให้ความกระชับ และสบายตลอดการสวมใส่

  • ที่กันหน้าจอแบบใส สามารถใช้งานระบบ Touch Screen ได้

  • สามารถเชื่อมต่อผ่านช่องเสียบได้ทุกช่องขณะสวมใส่

  • รองรับการทำงานของตัววัดระยะพื้นผิว และระดับแสงของ iPhone3G


  • 2. HardMan Docker for iPhone 3G สัมผัสความบางเบา ครบทั้งการปกป้องและความสะดวก...



    คุณสมบัติของสินค้า
  • กรอบพลาสติกแบบแข็ง เคลือบเงา สำหรับสุดยอดของการปกป้อง

  • มีขาตั้งด้านหลัง สำหรับดูหนัง พับเก็บได้ในตัวเคส (ดีไซน์แบบ Clip Shut)

  • สามารถถอดกรอบด้านล่างได้ สำหรับการเสียบฐาน (Docking) โดยไม่ต้องถอดเคสออกทั้งหมด

  • แถมฟิล์มกันรอย และผ้าเช็ดหน้าจอ

  • มี 3 สีให้เลือก ดำ ขาว ชมพู


  • 3. ซองพลาสติกหนังแท้ X-Shield for iPhone 3G สวยหรู คลาสสิก (สีดำ)...



    คุณสมบัติของสินค้า 
  • ซองพลาสติกเนื้อแข็ง ที่ช่วยในการปกป้อง

  • พร้อมแผ่นหนังแท้ด้านหลังที่ให้ความสวยหรู คลาสสิก

  • ดีไซน์แบบสไลด์เพื่อการสวมใส่ ที่ง่ายดาย

  • สามารถเชื่อมต่อผ่านช่องเสียบได้ทุกช่องขณะสวมใส่

  • มีช่องสำหรับกล้องถ่ายรูป มีผ้าเช็ดหน้าจอให้


  • 4. RoadTourDual Charge ที่ชาร์จในรถสำหรับ iPhone/iPod และอุปกรณ์ USB อื่นๆ...



    คุณสมบัติของสินค้า
  • ช่องเสียบ USB สองช่อง – สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกันถึง 2 ชิ้น

  • สามารถใช้ได้กับที่จุดบุหรี่ 12V ทุกประเภท

  • มีไฟ LED เพื่อบอกสถานะการชาร์จ

  • มี Fuse เพื่อความปลอดภัย

  • มีสาย USB to iPhone/iPod และ USB to Mini USB ให้

  • 5. ลำโพง PocketPartyUniversal มีขนาดจิ๋ว น่าเป็นเจ้าของ...


  • 6. วิทยุนาฟิกาปลุก AlarmDock Superbly Compact Alarm Clock with FM Radio...



    คุณสมบัติของสินค้า
  • วิทยุนาฟิกาปลุกขนาดกระทัดรัด สำหรับ iPhone/iPod

  • ปลุกด้วยวิทยุ เพลงจาก iPhone/iPod หรือเสียงนาฟิกาปลุก Buzzer

  • สามารถ Sync และชาร์ท iPhone/ iPod ผ่านสาย USB ได้

  • ชาร์ท iPhone/iPod อัตโนมัติเมื่อวาง docking มีแบตเตอรี่สำรองไฟให้นาฟิกาปลุก

  • มีช่อง Aux Line in 3.5 มม. สำหรับเล่นเพลงจาก MP3 ประเภทอื่น


  • 7. ลำโพง iPhone/ iPod StreetParty Size 0 Super-slim portable stereo speaker...



    คุณสมบัติของสินค้า
  • ลำโพง iPhone/iPod ดีไซน์บางเฉียบ แบบพกพา พับเก็บได้ สะดวกสบาย (fully licenses)

  • หนาเพียง 16mm. หนัก 300g.

  • มาพร้อมรีโมทคอนโทล แถมซองถือทำจากวัสดุ Neoprene

  • สามารถต่อกับไฟบ้าน หรือเลือกใส่แบตเตอรี่ AA 4 ก้อน


  • 8. ลำโพง iPhone/ iPod House Party 3G Crystal Clear Stereo Sound...



    คุณสมบัติของสินค้า
  • ลำโพงคุณภาพเสียงเยี่ยม สำหรับการใช้งานในบ้าน

  • กำลังขับ 30W จากลำโพง 2 ตัว

  • ปุ่มบังคับไฟสีฟ้าแบบสัมผัส พร้อมรีโมทคอนโทล

  • ใช้งานได้กับ iPhone/ iPod(fully licenses)

  • ชาร์ทอัตโนมัติเมื่อวาง Docking


  • 9. ซองพลาสติกหนังแท้ X-Shield for iPhone 3G สวยหรู คลาสสิก (สีชมพู)...



    คุณสมบัติของสินค้า
  • ซองพลาสติกเนื้อแข็ง ที่ช่วยในการปกป้อง

  • พร้อมแผ่นหนังแท้ด้านหลังที่ให้ความสวยหรู คลาสสิก

  • ดีไซน์แบบสไลด์เพื่อการสวมใส่ ที่ง่ายดาย

  • สามารถเชื่อมต่อผ่านช่องเสียบได้ทุกช่องขณะสวมใส่

  • มีช่องสำหรับกล้องถ่ายรูป มีผ้าเช็ดหน้าจอให้


  • 10. IceBox Pro for iPhone 3G กล่องกันกระแทกแบบใส...



    คุณสมบัติของสินค้า 
  • กล่องกันกระแทกแบบใส สำหรับ iPhone3G

  • ดีไซน์แบบ Snap Shut ทำให้ฝาปิดล็อคแน่นไม่หลุดง่าย

  • มีผิวชั้นที่ 2 สำหรับหน้าจอสัมผัส เพื่อกันรอยขีดข่วนต่างๆ

  • สามารถใช้งานปุ่ม Home และเสียบสายชาร์ท/หูฟัง ได้ตามปกติ

  • มีช่องสำหรับกล้องถ่ายรูป แถมผ้าเช็ดหน้าจอ

  • 10 อุปกรณ์ไอทีมาแรงสุดๆ
    1. Sony DSC-G3 : ถ่ายปุ๊บ อัพโหลดขึ้นเว็บได้ปั๊บ ด้วยไว-ไฟและบราวเซอร์ในตัว

    คุณสมบัติ
    - เป็นกล้องที่มีดีไซน์สวยงาม และมีคุณสมบัติที่โดดเด่น คือ มีเบราเซอร์และไว-ไฟ พูดง่ายๆก็คือ เวลาเราถ่ายรูป ก็สามารถอัพโหลดขึ้นเว็บได้ทันที
    - ตัวกล้องนั้นให้ภาพที่ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซูมออพติคอลได้ 4 เท่า
    - เลนส์คาร์ลไซส์ หน่วยความจำในเครื่อง 4 กิกะไบต์ หน้าจอ 3.5 นิ้ว
    -------------------------------------------------------------------

    2. Casio Exilim EX-FC100 
    : กล้องภาพนิ่ง พร้อมถ่ายวิดีโอสโลว์โมชัน

    คุณสมบัติ- กล้องตัวนี้จะทำให้คุณได้รูปภาพแบบใหม่ที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะว่ากล้องตัวนี้สามารถ ถ่ายภาพแบบ Slow motion เหมือนที่เห็นในภาพยนตร์ทั่วไป
    - เป็นกล้องภาพนิ่ง แต่มีคุณสมบัติถ่ายวีดีโอแบบ slow motion
    - ความละเอียดที่ 9 ล้านพิกเซล และซูมออพติคอล 5 เท่า
    - สามารถปรับความเร็วในการบันทึกวีดีโอได้ 8 ระดับ
    - ตั้งค่าเฟรมเรตได้ถึง 1000 เฟรมต่อวินาที
    - ผู้ใช้สามารถสลับโหมดไปมาระหว่างแบบปกติกับแบบ slow motion ด้วยปุ่มเดียวเพื่อการบันทึกวีดีโอได้อย่างต่อเนื่อง และยังสามารถเปลี่ยนภาพพื้นหลังกับภาพที่บันทึกได้
    - ฟังชั่นครบเครื่อง ในราคาสบายกระเป๋า
    ------------------------------------------------------------------- 

    3. Panasonic DSR-S26
     : พระเจ้าจอร์จ ซูมออพติคอล 70 เท่า!

    คุณสมบัติ- กล้องวีดีโอตัวนี้มีคุณสมบัติในการซูมแบบออพติคอลได้ถึง  70 เท่า
    - สามารถทำได้งานได้อย่างรวดเร็ว เปิดกล้องในโหมดควิกสตาร์ทได้ด้วยเวลาเพียง 0.8 วินาที
    - ระบบกันสั่นระหว่างซูม มีสั่นบ้างแต่ไม่น่าเกลียด
    - เริ่มวางจำหน่ายในเดือน เมษายนนี้
    ------------------------------------------------------------------- 

    4. โพลารอยด์แบบดิจิตอล 
    : ใครบอกว่าโพลารอยด์สูญพันธุ์

    คุณสมบัติ
    - การผสานพรินเตอร์แบบพกพาอย่าง PoGo เข้ากับกล้องดิจิตอล จึงออกมาเป็น "Poloroid PoGo Instand Digital Camera"
    - ส่วนคุณสมบัติทั่วไป คือ รองรับเอสดีการ์ด ระบบกันสั่น ระบบตรวจจับใบหน้าและรอยยิ้ม
    - ความละเอียด 5 ล้านพิกเซว ซูมออพติคอลไม่ได้
    - คุณสมบัติที่โดดเด่น คือ เป็นกล้องดิจิตลอลที่พ่วงพรินเตอร์ไว้ในตัว สามารถพิพม์ภาพได้ ภายใน 1 นาที เป็นกระดาษสติกเกอร์แบบกันน้ำ ไม่ได้ใช้หมึกพิมพ์ที่ทำให้เลอะมือ
    - สามารถพิมพ์ภาพได้เพียง 20 ภาพเท่านั้น ต่อการชาร์มแบท 1 ครั้ง
    -------------------------------------------------------------------
     

    5. Kodak Zx1
     : กล้องวิดีโอ HD ราคาประหยัด

    คุณสมบัติ- เป็นกล้องแบบพกพา สามารถถ่ายภาพวีดีโอได้เท่ากับกล้อง HD 720 p
    - ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้สามารถทนทานได้ในทุกสภาพอากาศ
    - ซูมดิจิตอลได้ 2 เท่า ความละเอียดภาพนิ่งที่ 3 ล้านพิกเซล
    - มีซอฟแวร์ตัดต่อวีดีโอมาให้พร้อม รองรับการใส่การ์เอสดีและเอสดีเอชซีได้ สุงสุด 32 กิกะไบต์
    - จุดเด่นที่น่าสนใจที่สุดของกล้องวีดีโอแบบพกพาตัวนี้ ก็คือราคา ของกล้องวีดีโอคุณภาพระดับ HD ในราคาประมาณ 5500 บาท
    -------------------------------------------------------------------
     

    6. Palm Pre
     : คู่แข่งไอโฟนตัวจริง


    คุณสมบัติ- ระบบปฏิบัติการเป็น Web OS
    - รองรับการสั่งงานแบบมัลติทัช เหมือนไอโฟน แถมมี Gesture Bar ใต้หน้าจอเพื่อรับคำสั่งผ่านระบบสัมผัสแบบพิเศษ
    - ตัวกล้องให้มาถึง 3 ล้านพิกเซล รองรับไว-ไฟ บลูทูธ 2.1 ,EV-DO Rev.A
    - มีจีพีเอส ในตัว หน่วยความจำ 8 กิกะไบต์
    - อีกจุดเด่นก็คือ การทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นบนเว็บและบริการออนไลน์ต่างๆ
    - การบราวซ์หน้าเว็บทำด้วยความสะดวกและรวดเร็ว หมุนเปลี่ยนแนวตั้ง นอนได้สบาย
    - ด้านอินเทอร์เฟส โดยรวมใช้ง่ายอย่างที่ปาร์มไม่เคยทำมาก่อน
    - อุปรณ์เสริมอีกมากมาย
    -------------------------------------------------------------------


    7. Samsung Show
     
    : ใช้โทรศัพท์มือถือฉายหนังแบ่งกันดูได้ทันที



    คุณสมบัติ
    - โทรศัพมือถือที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นโปรเจ็กเตอร์ในตัว
    - โหมดการใช้งานมี 5 โหมด คือ
    1.) File Viewer สำหรับฉายภาพยนตร์
    2.) โหมด Album สำหรับฉายภาพนิ่ง
    3.) Stor Telling สำหรับฉายการ์ตูนแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก
    4.) TV สำหรับฉายภาพจากโทรทัศน์
    5.) Flashlight ที่ทำหน้าที่เป็นไฟฉายในตัว
    -------------------------------------------------------------------


    8. Samsung BD-P4600 Blu-ray Player : เครื่องเล่นบลูเรย์บางที่สุดในโลก

     คุณสมบัติ- เป็นเครื่องเล่นที่บางที่สุดในโลก หนาเพียง 1.5 นิ้ว สามารถแขวนติดกำแพงได้
    - ที่ใส่แผ่นเป็นแบบสล็อตโหลด สอดแผ่นเข้าตัวเครื่องโดยตรง
    - รองรับได้ทั้งแผ่นบลูเรย์และดีวีดี
    - มีไว-ไฟ 802.11n ในตัว ผู้ใช้สามารถรับภาพยนตร์สตรีมมิ่งผ่านเครื่องบลูเรย์ตันนี้ได้ทันที
    - คุณภาพระดับ Full HD และรองรับเทคโนโลยีใหม่แบบ BD Live ด้วย
    -------------------------------------------------------------------

    9. Hitachi HDTV : รีโมตไม่ต้อง ใช้มือเปล่าเปลี่ยนช่อง



    คุณสมบัติ
    - เป็นทีวีที่ผู้ใช้สามารถควบคุมการสั่งงานได้ด้วยการใช้มือเปล่าออกท่าทางตามที่กำหนดไว้ เช่น ส่ายมือไปมาเพื่อเปิดเครื่องแสดงเมนู ทำมือขึ้นลงเพื่อปรับเพิ่มลดเสียง  หรือ หมุนมือเพื่อเปลี่ยนช่อง
    - ใช้ชิปเซ็นเซอร์ 3 มิติ จาก Canesta และใช้ซอฟแวร์จาก GestureTek
    -------------------------------------------------------------------
     

    10. LG Touch Watch Phone
     : มือถือนาฬิกาจอสัมผัส

     คุณสมบัติ- หน้าจอเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ตามชอบ
    - รองรับบลูธูท เล่นเพลง และมีกล้องวีดีโอไว้ใช้กับวีดีโอโฟนด้วย
    - ที่สำคัญ เป็นนาฬิกาโทรศัพท์มือถือที่รองรับ 3G และใช้หน้าจอสัมผัส
    I pad คืออะไร

    หลังจากประสบความสำเร็จในการผลิตและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่ดังที่สุดในโลกอย่าง iPhone บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ก็ได้ดำเนินการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ที่พร้อมจะเขย่าโลก โดยครั้งนี้เป้าหมายไม่ใช่วงการมือถือเหมือนครั้งผลิต iPhone คราวนี้แอปเปิ้ลจะเขย่าวงการคอมพิวเตอร์ด้วย iPad
    iPad เปิดตัวอวดโฉมเป็นครั้งแรกที่ ซานฟรานซิสโก ในวันที่ 27 มกราคม 2010 โดยมีนาย สตีฟ จ๊อบส์ ผู้บริหารบริษัทแอปเปิ้ล เป็นคนนำตัว iPad ออกมาให้โลกได้เห็นเป็นครั้งแรก ท่ามกลางบรรดาเหล่าสื่อมวลชนที่แห่กันมาทำข่าวกันคับคั่ง
    ipad
    เมื่อ iPad เห็นครั้งแรก หลายคนนึกถึง จอคอมพิวเตอร์ บางคนคิดถึงกระจก ใครที่ชอบทางด้าน เทคโนโลยีอยู่แล้ว อาจจะคิดถึง iPhone และ iPod Touch ซึ่งก็ไม่ผิดจากความจริงเท่าไหร่ครับ

    แล้ว iPad คืออะไรกันล่ะ?

    iPad นั้น พูดให้สั้นที่สุดต้องบอกว่า iPad คือ Tablet PC ครับ
    แต่เราจะจำกัดความ iPad ด้วย Tablet PC สั้นๆก็คงไม่ถูกนัก

    iPad คือ Tablet PC ?

    เรามาเริ่มกันที่ iPad คือ Tablet PC กันก่อนครับ ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ทุกท่านคงรู้จักกันดีนะครับ ตอนนี้เราใช้ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเป็นหลักในการทำงานมากกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเสียอีก  ทีนี้ถ้าเราเอาโน้ตบุ๊คมาหักครึ่ง เอาเฉพาะส่วนหน้าจอมาใช้งาน เอาคีย์บอร์ดทิ้งไป แล้วเปลี่ยนการพิมพ์บนคีย์บอร์ด มาพิมพ์บนหน้าจอ โยนเมาส์ทิ้งไป เปลี่ยนมาใช้นิ้วจิ้มบนหน้าจอแทน อะไรจะเกิดขึ้น เราก็จะได้ คอมพิวเตอร์แบบหน้าจอสัมผัสแบบพกพา ที่เราเรียกกันว่า Tablet PC ครับ
    โดยพื้นฐานแล้ว Tablet PC ไม่มีอะไรแตกต่างจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คครับ เพียงแต่ไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ เท่านั้นเอง เรายังใช้งานโปรแกรมใน Windows XP , Windows Vista ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมเวิร์ด เอ็กเซลล์ การใช้งานอินเตอร์เน็ต สามารถใช้งานได้เหมือนเดิมครับ   iPad เองก็จัดอยู่ในประเภท Tablet PC เช่นเดียวกันนะครับ การใช้งาน iPad จะไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ ทุกอย่างทำบนหน้าจอทั้งสิ้น มีรูปร่างสวยงาม น้ำหนักเบาพกพาได้ง่าย(680 กรัม)
    แต่ iPad นั้นมีความแตกต่างจาก Tablet PC ทั่วไปที่เรารู้จักกันครับ เนื่องจากระบบปฏิบัติการของมันนั่นเองครับ

    ระบบปฏิบัติการของ iPad

    ใช้ตัวเดียวกับที่ใช้ iPhone ครับ เรียกกันว่า iPhone OS โดยมีการพัฒนาปรับปรุงเพื่อใช้กับอุปกรณ์ขนาดใหญ่อย่าง iPad (ดังนั้นiPad คือ ทายาท iPhone?) เพราะฉะนั้น จุดเด่นที่เคยมีอยู่ใน iPhone ก็จะมีอยู่ใน iPad เกือบครบเลยครับ เรามาดูกัน
    ipadiphone
    หน้าตา iPad เปรียบเทียบกับ iPhone

    จุดเด่นที่สืบทอดจาก iPhone OS

    • คุณสมบัติด้านบันเทิง การดูหนัง ฟังเพลง สำหรับ iPhone เป็นโทรศัพท์ที่ขึ้นชื่อในด้านการดูหนัง ฟังเพลงอยู่แล้วนะครับ คุณภาพของภาพและเสียงนั้นถ่ายทอดมาจาก สินค้าขึ้นชื่อของแอปเปิ้ลอีกตัวนึงอย่าง iPod ที่ครองแชมป์ในด้านเครื่องเล่น mp3 ที่ดีที่สุดในโลก สำหรับ iPad เมื่อรับความสามารถนี้มา รับรองได้ว่า การดูหนัง ฟังเพลงบน iPad ก็เลยยอดเยี่ยมไม่แพ้พี่ๆครับ
    • การหมุนหน้าจออัตโนมัติ ใน iPad เราจะพบกับหน้าจอที่หมุนเองอัตโนมัติ เวลาที่เราเอียงหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นมุมตั้งสำหรับใช้งานแอพพลิเคชั่น หรือ มุมแนวนอนสำหรับเวลาดูวีดีโอ
    • GPS ใน iPhone เราจะพบว่ามีการนำชิป GPS ที่ใช้ในการระบุตำแหน่งพิกัดละติจูด ลองจิจูดของตัวเองติดมากับเครื่องด้วยครับ และจะมีโปรแกรมสำหรับใช้งานคู่กับ GPS มากมายเลยทีเดียว สำหรับ iPad เองก็เช่นเดียวกัน GPS จะมาพร้อมเครื่องด้วยครับ
    • Multi Touchscreen ถ้าเป็นจอสัมผัสทั่วไป เราใช้ได้เพียงนิ้วเดียวในการจิ้ม แทนการใช้เมาส์ แต่สำหรับ iPad นั้นเราสามารถใช้ นิ้วสองนิ้ว ในการย่อขยายรูป หมุนรูป รวมถึงใช้ซูมเข้า ซูมออกหน้าเว็บไซต์ได้ครับ
    • digital magnetic compass คือความสามารถในการจับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นผล iPad จำลองตัวเองเป็นเข็มทิศได้ครับ
    • accelerometer อันนี้อธิบายลำบากครับ มันคือความสามารถในการจับการเคลื่อนไหวของตัวเครื่องได้ครับว่า ตัวเครื่องเอียงซ้าย เอียงขวา เวลาเล่นเกมส์ขับรถ เราใช้ iPad แทนพวงมาลัยได้เลยครับ
    จากการที่ iPad นั้นทั้งฮาร์ดแวร์ และระบบปฏิบัติการคล้าย iPhone มากนั้น ทำให้นักวิจารณ์คอมพิวเตอร์หลายค่ายออกมาบ่นว่า iPad ก็คือ iPhone ขนาดใหญ่นั่นเอง พูดอีกอย่างก็คือ แทนที่จะบอกว่า iPad เป็น Tablet PC พวกนักวิจารณ์มองว่า iPad คือ iPhone ยักษ์นั่นเอง (บางคนก็ว่า iPod Touch ยักษ์)

    แล้วมันจะเป็นอะไรไป ถ้า iPad จะเป็น iPhone เครื่องยักษ์ ก่อนจะเลยไปถึงเรื่องนั้น เรามาดูกันก่อนดีกว่า ว่า iPad ใช้ทำอะไรได้บ้าง

    อย่างที่เล่าให้ฟังนะครับว่า iPad เป็น Tablet มีคุณสมบัติหลักๆตามแบบ  iPhone ทีนี้ถ้าเรามาดูความสามารถที่ทางแอปเปิ้ลนำเสนอกันหน่อยว่า iPad นี้ทำอะไรได้บ้าง
    การเล่นเว็บไซต์ (SAFARI)
    พูดง่ายๆก็คือ การเข้าเว็บไซต์ต่างๆนั่นเองครับ แต่ด้วยหน้าจอแบบ Multi Touchscreen คุณก็จะพบกับประสบการณ์การเล่นเว็บที่หน้าทึ่งทีเดียวครับ ลองดูวีดีโอ ด้านล่างครับ
    http://www.youtube.com/watch?v=sZwjDuQRxgQ&feature=player_embedded#!